ปัจจุบัน ปัญหามิจฉาชีพส่งสลิปซ้ำ สลิปปลอม มีให้เห็นตามข่าวกันแทบทุกวัน ตั้งแต่ร้านค้าเล็กๆ ตามตลาด โดนโกงแค่หลักสิบ ไปจนถึงร้านขายส่งของหลักหมื่น โดนโกงได้ถึงหลักล้าน อย่างเช่น ข่าวดังแม่ค้าแสบโกงค่าวัตถุดิบร้านหมูกระทะ 2 ปี ปลอมสลิป รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท! หรือจะเป็นข่าวผู้ปกครองใช้สลิปปลอมจ่ายค่าเทอมโรงเรียนเอกชน จ่ายจริงแค่ 1 บาท เรียกได้ว่ามีมิจฉาชีพอยู่ในทุกวงการ ดังนั้นเหล่าผู้ประกอบการจะต้องรู้เท่าทันทั้งกลโกงที่เหล่ามิจฉาชีพใช้ และ โปรแกรมเช็คสลิป ตัวช่วยที่จะทำให้ธุรกิจของคุณปลอดภัยยิ่งขั้น
รวมกลโกงสลิป ยอดฮิตในหมู่มิจฉาชีพ
1. ปลอมสลิปด้วยการตัดต่อรูป
การส่งสลิปโอนเงินปลอมที่มีการตัดต่อภาพให้เห็นว่าชำระค่าสินค้าบริการแล้วส่งสลิปให้กับร้านค้าเพื่อให้ร้านค้าส่งสินค้าให้ แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่มียอดเงินเข้าในบัญชีร้านค้าจริง ดังร้านร้านค้าจะต้องสังเกตยอดโอน บัญชีผู้รับ บัญชีผู้โอนอย่างละเอียด
2. ใช้สลิปเก่ามาหลอกซ้ำ
วิธีการนี้คือการนำสลิปเก่าที่เคยโอนมาที่ร้านค้าจริง แต่อาจโอนเมื่อหลายวันที่ผ่านมา นำกลับมาเวียนใช้ซ้ำ โชว์ให้เราเห็นเป็นหลักฐานว่าได้โอนเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้แค่การสังเกตที่สลิปเพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถช่วยคุณได้เสมอไป
3. แกล้งโอนผิด แต่คิดเงินทอน
อัปเกรดจากสลิปปลอมเวอร์ชั่นแรกขึ้นมาอีกหน่อย ด้วยการบอกว่าโอนเงินเข้ามาผิดบัญชี หรือโอนถูกบัญชีแล้ว แต่จำนวนเงินที่โอนมาผิด มากกว่าที่ต้องโอนไป XX บาท อันที่จริง แม้ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการ ก็สามารถพบเจอการหลอกลวงด้วยวิธีนี้ได้เช่นกัน แต่เหล่าเจ้าของร้านค้าทั้งหลายที่มี Transactions ในบัญชีเยอะ ๆ จะมีสิทธิ์ตกหลุมพรางได้ง่ายกว่า
4. ตั้งโอนล่วงหน้า แล้วมายกเลิกทีหลัง
อีกหนึ่งวิธีโกงเงินที่เริ่มเห็นเยอะขึ้น ก็คือการทำเหมือนว่าจะโอนเงินจริง ๆ เข้าไปที่บัญชีที่ถูกต้องจริง ๆ แต่ตั้งให้เป็นการโอนเงินล่วงหน้าแทน พอกดยืนยันเสร็จ ก็จะมีสลิปขึ้นมาเหมือนการโอนเงินปกติเลย ถ้าเป็นร้านค้าที่ไม่ได้เช็คสลิปโอนเงินอะไรมากมายนัก พอเห็นว่ามีสลิปโอนเงินยืนยันเรียบร้อยแล้ว ก็อาจจะปล่อยผ่านไป แล้วฝ่ายมิจฉาชีพ ก็จะไปยกเลิกการโอนเงินล่วงหน้าที่ตั้งไว้ทีหลัง การให้ร้านค้าดูหน้าจอมือถือแต่ไม่กดยืนยันชำระเงิน หรือการอ้างว่าแอปพลิเคชันของธนาคารช้า หรือมีปัญหาเพื่อเบนความสนใจของพนักงานและร้านค้า
5. หลอกให้คนอื่นโอนเงินแทน
นี่คือหนึ่งในกลโกงยอดนิยมที่ร้านค้าออนไลน์มักเจอบ่อย โดยมิจฉาชีพจะนำรูปสินค้าจากร้านของเราไปแอบอ้างขายในช่องทางอื่น เมื่อลูกค้าหลงเชื่อและโอนเงินเข้าบัญชีของร้านเรา (ซึ่งมิจฉาชีพให้ข้อมูลนี้กับเหยื่อโดยตรง) ฝ่ายมิจฉาชีพจะนำสลิปโอนเงินของเหยื่อมาแสดงกับทางร้าน เพื่อขอให้จัดส่งสินค้าให้กับตัวเอง
เมื่อร้านได้รับสลิป ก็เข้าใจว่าเป็นคำสั่งซื้อปกติ จึงจัดส่งของไปยังที่อยู่ของมิจฉาชีพ หลังจากได้รับของ มิจฉาชีพก็จะหายตัวไป ส่วนลูกค้าที่รู้ตัวว่าโดนหลอก จะเข้าใจผิดว่าร้านเราเป็นผู้หลอกลวง เพราะเป็นเจ้าของบัญชีที่รับเงิน
เคสนี้ถือว่าอันตรายเพราะทั้งร้านค้าและลูกค้ากลายเป็น “เหยื่อ” โดยที่จับตัวมิจฉาชีพได้ยากมาก หากไม่มีหลักฐานชัดเจน ร้านค้าจึงทำได้เพียงออกแถลงการณ์ชี้แจง และเตือนผู้บริโภคให้ระวังภัยเท่านั้น
6.ใช้ AI ในการสร้างสลิปปลอม
อีกหนึ่งกลโกงที่น่ากลัวและกำลังระบาดมากขึ้นในยุคดิจิทัล คือการใช้เทคโนโลยี AI อย่าง ChatGPT และเครื่องมือแต่งภาพขั้นสูงในการ ปลอมแปลงสลิปโอนเงิน ซึ่งทำให้สลิปที่ถูกสร้างขึ้นดูสมจริงจนแทบแยกไม่ออกจากของจริง
มิจฉาชีพมักจะใช้ แอปพลิเคชันหรือเว็บปลอมสลิปอัตโนมัติ ที่สามารถปรับรายละเอียดต่าง ๆ ได้ทั้งหมด เช่น ชื่อบัญชี จำนวนเงิน วันที่ และเวลาโอนเงิน หรือแม้กระทั่งโลโก้ของธนาคาร ซึ่งบางครั้งอาจถูกนำมาจากสลิปจริง แล้วปรับแต่งเพียงเล็กน้อยเพื่อให้หลอกสายตาเจ้าของร้านได้ง่ายขึ้น
เมื่อมิจฉาชีพได้สลิปปลอมที่ต้องการ ก็จะส่งให้กับร้านค้าออนไลน์เพื่ออ้างว่าได้โอนเงินเรียบร้อยแล้ว หากร้านค้าไม่ได้ตรวจสอบผ่านระบบที่เชื่อถือได้ อาจหลงเชื่อและจัดส่งสินค้าไปโดยไม่ได้รับเงินจริงแม้แต่บาทเดียว
กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การตรวจสลิปด้วยตาเปล่าไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะสลิปปลอมในปัจจุบันสามารถสร้างให้ดูเหมือนของจริงแบบมืออาชีพมาก ๆ ดังนั้นการมี โปรแกรมตรวจสอบสลิปอัตโนมัติอย่าง SlipOK จะช่วยให้ร้านค้าเช็กสถานะการโอนเงินจริงจากธนาคารได้ในไม่กี่วินาที ลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกอย่างมีประสิทธิภาพ
ป้องกันการโดนโกงได้ด้วย 6 วิธี
1 ตรวจสอบผ่านระบบธนาคาร ด้วยการแสกน QR ผ่านแอปธนาคาร
การสแกนสลิปโอนเงิน เป็นการตรวจสอบบัญชีของทั้งผู้โอน และผู้รับยอดโอนว่าชื่อบัญชีถูกต้องหรือไม่ ธนาคารถูกต้องหรือไม่ เพราะในบางครั้ง ลูกค้าอาจไม่ได้ตั้งใจจะโกง แต่อาจเพียงโอนผิดบัญชี หรือโอนยอดเงินขาด หรือแม้กระทั่งโอนเงินเกิน ดังนั้น วิธีนี้จึงเป็นการป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น การสแกนตรวจสอบสลิป มีความแม่นยำค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นการตรวจสอบกับระบบหลังบ้านของธนาคารแห่งประเทศไทยโดยตรง ทำให้เป็นแหล่งข้อมูลหลักที่น่าเชื่อถือ เมื่อเห็นสลิปโอนเงินที่น่าสงสัย
โดยวิธีการ เช็คสลิปโอนเงิน วิธีแรกนั้น จะเป็นการใช้แอปธนาคารในประเทศไทย เช่น แอป SCB Easy หรือแอป K Plus เพื่อสแกน QR Code บนสลิปเพื่อเช็กข้อมูลความถูกต้องของยอดเงิน และบัญชีธนาคาร วิธีนี้จะแม่นยำมากกว่า แต่ก็แลกมากับการต้องคอยสแกนสลิปโอนเงินทุกๆ ธุรกรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน โดยตัว QR Code นี้จะตรวจสอบผ่านระบบของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้มั่นใจในเรื่องของความถูกต้องได้ สามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ เพียง
- เข้าแอปธนาคารใดก็ได้ เช่น SCB Easy, K Plus หรือแอปธนาคารอื่นๆ
- กดที่ปุ่มไอคอนรูป “สแกนจ่าย” ซึ่งมักจะอยู่ในหน้าแรกของแอป
- กดที่ไอคอนรูปอัลบั้ม เพื่ออัปโหลดรูปสลิปธนาคารที่ต้องการตรวจสอบ
- แอปธนาคารจะแจ้งรายละเอียดยอดโอนเงิน บัญชีผู้ส่ง และบัญชีผู้รับให้ท่านตรวจสอบ
เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เห็นข้อมูลการโอนเงินที่ถูกต้อง แม้ลูกค้าจะปลอมแปลงสลิป ตัดต่อสลิปโอนเงินมา เราก็จะยังได้รับข้อมูลจริงอยู่นั่นเอง แต่ข้อเสียคือ หากคุณมีสลิปที่ต้องคอยตรวจสอบจำนวนหลายร้อยสลิปต่อวัน วิธีนี้อาจจะใช้เวลา และใช้ทรัพยากรคนอย่างมาก รวมไปถึงยังมีโอกาสที่คนจะละเลย หละหลวมได้อีกด้วย
2 ตรวจสอบด้วยตนเอง ผ่านรูปภาพ และขนาดตัวอักษร
การตรวจสอบสลิปหรือ Slip Verification ด้วยตนเองนั้น คือการตรวจสอบว่าสลิปโอนเงินมีการตัดต่อ ดัดแปลงหรือไม่ โดยจุดสังเกตคือบริเวณยอดจำนวนเงิน และชื่อบัญชีของผู้รับ โดยสามารถดูได้จาก
- ตัวหนังสือที่อยู่บนสลิปโอนเงิน โดยจะต้องใช้ฟอนต์ หรือลักษณะตัวอักษรที่เหมือนกัน เช่น ตัวอักษรไม่มีหัว ก็จะไม่มีหัวเหมือนกัน หรือตัวอักษรควรมีขนาดที่เท่าๆ กัน เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้ว สลิปปลอม มักจะไม่สามารถหาฟอนต์ที่ทางธนาคารใช้จริงได้ ทำให้เราจะเห็นความผิดปรกติบางประการของสลิป เช่น ตัวอักษรหนาไม่เท่ากัน ใหญ่กว่าปกติ หรือแม้กระทั่งมีความละเอียดของตัวอักษรที่มาก หรือน้อยต่างกัน ซึ่งถ้าเจอแล้วละก็ แนะนำให้ดูข้อถัดไปให้ดี
- ภาพพื้นหลังของสลิปโอนเงิน อย่างที่ได้แจ้งไป เมื่อมิจฉาชีพพยายามปลอมแปลงยอดเงินบน สลิปปลอม จะมีการพยายามแก้ไขตัวเลขบนหน้าสลิป ทำให้ต้องปิดตัวเลขเดิม ใส่ตัวเลขใหม่ ปิดชื่อบัญชีเพื่อใส่ชื่อบัญชีใหม่ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ภาพพื้นหลังบนหน้าสลิปผิดเพี้ยนไปจากปกติ โดยเราสามารถซูมดูรอยต่อของภาพพื้นหลังว่ามีส่วนใดดูแหว่ง หรือขาดออกไปหรือไม่ วิธีนี้ก็จะช่วยให้เราเห็นความผิดปกติได้ชัดมากขึ้น
3 เปิดแจ้งเตือนข้อความเงินเข้า-ออก บนมือถือ
ส่วนวิธีการถัดมา คือการเปิดแจ้งเตือนข้อความเข้าออก ผ่านบริการของแอปธนาคารที่คุณใช้บริการอยู่ โดยอาจมาในรูปแบบของ SMS หรือข้อความผ่าน Line Official Account ไปจนถึงการส่งข้อความเสียงแบบแจ้งเตือนแจ้งยอดการโอนผ่านลำโพง เพื่อช่วยให้หน้าร้านสามารถรับทราบยอดโอนที่เข้ามาได้ทันที ซึ่งบริการอย่างการส่งเสียงยอดธุรกรรมออกลำโพงนี้มีอยู่ในเฉพาะบางธนาคารเท่านั้น ทางผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ จึงต้องลองตรวจสอบว่าธนาคารของท่านสามารถใช้ฟังก์ชันนี้กับบัญชีของท่านได้หรือไม่
4 ไม่โพสต์รูปสลิปโอนเงินในช่องทางสาธารณะ
การโพสต์สลิปของลูกค้าหรือของร้านเองลงในโซเชียลมีเดีย หรือกลุ่มสาธารณะ อาจเปิดช่องให้มิจฉาชีพนำข้อมูลไปดัดแปลง หรือปลอมแปลงสลิปใหม่ได้ง่ายดาย โดยเฉพาะหากมีข้อมูลสำคัญอย่างชื่อบัญชี หมายเลขบัญชี หรือยอดเงินอยู่ครบถ้วน
5. ใช้ระบบจัดการร้านค้าที่มี โปรแกรมเช็คสลิป อัตโนมัติ
ตรวจสอบผ่านระบบผู้ให้บริการจะช่วยให้ผู้ประกอบการ และคนทำธุรกิจทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ได้สามารถตรวจสอบสลิปโอนเงินแบบอัตโนมัติ ได้โดยที่ไม่ต้องมาคอยสแกน QR Code สลิปโอนเงิน ทีละสลิป ซึ่งทั้งเสียเวลา เสียทรัพยากร เนื่องจากเจ้าของธุรกิจควรที่จะเอาเวลาไปโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจ เพิ่มยอดขาย คิดแผนการตลาด ดูแลพนักงาน และอื่นๆ อีกมากมาย การต้องคอยมาตรวจสอบยอดเงินทีละรายการ หรือต้องเสียเวลาทุกคืน ตรวจสอบสลิปทั้งหมดที่พนักงานส่งมา ก็ถือว่าเป็นงานที่ควรมีระบบเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อแบ่งเบาภาาระออกไป นอกจากนี้การใช้ แอพเช็คสลิปโอนเงิน ยังช่วยปิดความเสี่ยงให้มิจฉาชีพใช้สลิปปลอมเข้ามาหลอกเงินไปได้อีกด้วย การเช็คสลิปโอนเงิน กับ SlipOK นั้น สามารถเช็คได้กับสลิปโอนเงินทุกธนาคาร ขอเพียงเป็นสลิปโอนเงินที่มี QR Code โดยระบบของสลิปโอเคจะตรวจสอบค่าที่ระบุมาจากตัวคิวอาร์โค้ด ซึ่งเป็นค่าที่ส่งไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้แม้จะมีการปลอมแปลงสลิปธนาคาร ก็ไม่ส่งผลต่อการอ่านค่าในส่วนนี้
6. เชื่อมต่อ LINE กับบัญชีธนาคาร
หลายธนาคารในปัจจุบันมีบริการแจ้งเตือนธุรกรรมผ่าน LINE Official ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สะดวกและปลอดภัย โดยเฉพาะกับร้านค้าที่รับโอนเงินบ่อย ๆ เพราะสามารถรู้ได้ทันทีว่ามีเงินเข้าหรือไม่
ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นด้วย โปรแกรมเช็คสลิป SlipOK
SlipOK ตัวช่วยตรวจสอบสลิปปลอมสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ จะกี่สลิป กี่บัญชี กี่ธนาคารก็ไม่มีหวั่น เพราะใช้ SlipOK ร้านค้าโอเค แต่มิจฉาชีพไม่โอเค โดยบริษัท สลิปโอเค ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาเชื่อมโยงกับ เทคโนโลยี OCR หรือ Optical Character Recognition ในการอ่านตัวอักษร และ QR Code ภายในรูปภาพ เพื่อช่วยในการตรวจสอบสลิป โดยจะนำค่าที่อ่านได้ ไปตรวจสอบกับข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) เพื่อเช็คข้อมูล
- สะดวก แค่อัปรูปเข้าแอปพลิเคชัน Line ไม่ต้องโหลดแอปให้ยุ่งยาก
- ปลอดภัย หายห่วงเรื่องสลิปปลอม สลิปซ้ำ AI Chat Bot บอกให้หมด ไม่ต้องคอยเช็คชื่อบัญชีผู้รับ
- ใช้งานง่าย ใช้เป็นใน 30 นาที ไม่ต้องคอยสอนพนักงาน แค่มีมือถือสมาร์ทโฟน ก็สามารถใช้งานได้
- เชื่อมต่อกับธนาคาร 3 ชั้น ไม่มีล่ม ตรวจสอบได้ภายใน 1 วินาที
ในปัจจุบัน SlipOK มีผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าทุกท่านเลือกใช้ถึง 4 บริการด้วยกัน ได้แก่
- SlipOK Line Chat Bot – แชทบอทตรวจสลิปสุดล้ำ เหมาะกับธุรกิจที่มีหน้าร้าน ส่งเป็นรูปสลิปเข้าไลน์กลุ่ม แชทบอทของ SlipOK ก็ตรวจได้ รู้ผลไว ภายใน 1 วินาที!
- SlipOK Line OA Webhook – ติดตั้งบอทของเราเข้ากับ LINE Official Account ของคุณ SlipOK ก็จะช่วยตรวจสลิปที่ลูกค้าส่งเข้ามาในแชทของ Line OA ให้อัตโนมัติ ไม่ต้องให้ Admin เช็กเองหลังบ้าน
- SlipOK API – เช็กสลิปโอนเงินผ่านเว็บไซต์ของคุณได้ทันที เพียงฝังโค้ดของเราบนเว็บไซต์ของคุณ ให้การตรวจสลิปง่ายขึ้น รายงานผลทันที
- SlipOK WordPress Plugin – สำหรับร้านไหนที่มีเว็บไซต์ WordPress ที่สามารถสั่งซื้อสินค้าผ่าน WooCommerce หรือใช้บริการ Seed Confirm Pro อยู่แล้ว ก็สามารถติดตั้ง WordPress Plugin ของสลิปโอเคได้ง่ายๆ ให้การตรวจสลิปง่ายขึ้น
โดย SlipOK ได้เปิดให้ทดลองใช้บริการฟรี 100 สลิป/เดือน สามารถทดลองใช้ได้ง่ายๆ
- เพียงแอดไลน์ https://line.me/R/ti/p/@913njhqq (สำหรับบุคคลทั่วไป)
- หรือแอดไลน์ https://page.line.me/861ysvah (สำหรับธุรกิจ)
*ระบบตรวจสอบการโอนเงินของ SlipOK ออกแบบมาอย่างรัดกุม โดยมีระบบคุ้มกันข้อมูลหลายขั้น และไม่มีนโยบายส่งต่อข้อมูลของผู้ใช้งานต่อให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือ นำไปใช้โดยไม่ยินยอม